ในวัยเยาว์... หลายคนคงเคยมีความฝันอยากเป็นนักเขียน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวเอง "เขียนเก่ง" หรือมี "พรสวรรค์" หรือเปล่า รู้แต่ว่าตัวเองชอบเขียน...เขียนกลอน เขียนนิทาน แล้วก็ชอบวาดรูป เคยอยากเรียนต่อทางด้านศิลปะ แต่คิดว่าคงสู้เด็กที่เรียนสายตรงมาไม่ได้ ตอนสอบเอ็นทรานซ์จึงไม่ได้เลือกศิลปากรเลย ในที่สุดก็มาได้ดีจากรั้วแม่โดมแทน
เมื่อเรียนจบจากคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ฉันเริ่มทำงานในสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือสำหรับเด็ก แห่งแรกคือบริษัท นิวเจนเนอเรชันพับลิชชิง ในเครือผู้จัดการ หลังจากนั้นย้ายไปที่ไทยวัฒนาพานิช ซึ่งได้ร่วมงานกับคุณพีระพล ธนะพานิช บรรณาธิการที่ถ่ายทอดความรู้และแนวคิดดีๆ ให้ฉันมากมาย ระหว่างที่ฉันทำงานในกองบรรณาธิการ ก็ได้ขายต้นฉบับนิทานให้ที่นี่ตีพิมพ์หลายเล่ม และได้แปลสารานุกรมชีวิตสัตว์ชุดหนึ่ง
ต่อมาฉันย้ายไปทำงานที่บริษัท ต้นอ้อแกรมมี่ ระหว่างนั้นได้ขายลิขสิทธิ์หนังสือ "การเลี้ยงแฮมสเตอร์" ให้ตีพิมพ์ เชื่อว่าเป็นหนังสือแฮมสเตอร์เล่มแรกของไทย และได้แปลวรรณกรรมเยาวชนเล่มหนึ่ง เรื่อง "ก๊วนทโมน"
หลังจากนั้นได้มีผู้ทาบทามให้ไปเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์เปิดใหม่แห่งหนึ่ง แต่ทำได้ไม่นานประเทศไทยก็เผชิญวิกฤติฟองสบู่แตกในยุคไอเอ็มเอฟ เมื่อสำนักพิมพ์ปิดตัวลงฉันจึงจำต้องหันไปประกอบอาชีพอิสระ กลายเป็นแม่ค้าเฟินในตลาดนัดจตุจักร นับเป็นจุดเริ่มต้นให้หันเหไปเขียนหนังสือเกี่ยวกับต้นไม้
ต่อมาประมาณปี 2545 ได้กลับไปทำงานเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์บรรณกิจ และขายลิขสิทธิ์นิทานให้ตีพิมพ์ 2 เรื่องคือ "ตุ้บตั้บกับดวงดาว" และ "หุ่นไล่กาเพื่อนรัก" ซึ่งได้รางวัลชมเชยจากการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี 2546 และขายลิขสิทธิ์วรรณกรรมเยาวชนเล่มหนึ่งเรื่อง "ลูกหยีกับผีน้อย" ทั้งสามเล่มใช้นามปากกา "ปุณยวีร์" ซึ่งเป็นชื่อลูกชาย
ประมาณปี 2547 ฉันตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นนักเขียนอิสระเต็มตัว
ปี 2548 ขายลิขสิทธิ์ "จ๊ะเอ๋ ธรรมชาติแสนอัศจรรย์" และ "อู้ฮู สวนสัตว์หรรษา" ซึ่งเป็นหนังสือภาพชีวิตสัตว์และธรรมชาติให้สำนักพิมพ์บรรณกิจ
นอกจากนี้ยังมีหนังสือภาพเกี่ยวกับสัตว์ที่ขายลิขสิทธิ์ให้สำนักพิมพ์ผักแว่นในเวลาไล่เลี่ยกัน ได้แก่ ก้นใครเอ่ย? หน้าใครเอ่ย? ลายใครเอ่ย? อาหารใครเอ่ย? และ นี่ตัวอะไร? ทั้งหมดฉันเขียน ถ่ายรูป วาดภาพประกอบ และออกแบบรูปเล่มเอง
ปี 2548 ขายลิขสิทธิ์นิทานคำกลอน "ดนตรีไทยใจหรรษา" ให้สำนักพิมพ์ผักแว่น ซึ่งได้รางวัลชมเชยจากการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี 2549 เล่มนี้เขียนตามคอนเซ็ปต์ของสำนักพิมพ์เนื่องจากในช่วงนั้นภาพยนตร์เรื่องโหมโรงกำลังดัง
ปี 2549 ขายลิขสิทธิ์นิทาน "ไปเดินเล่น" และ "บ้านนี้เหมือนฝันกลางเมือง" ซึ่งเขียนและวาดภาพประกอบเองให้สำนักพิมพ์บรรณกิจ ซึ่งได้รับเลือกไว้ใน "หนังสือคัดสรร 108 หนังสือดี เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสในการพัฒนาเด็กปฐมวัย" โดยแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน เมื่อปี 2553
ในปี 2549 สำนักพิมพ์บ้านและสวนยังได้ตีพิมพ์ "ปลูกเฟินอย่างมืออาชีพ" ซึ่งเป็นหนังสือเฟินเล่มแรกในชีวิต หลังจากนั้นก็มีงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับพรรณไม้ประดับต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เฉลี่ยปีละ 1 เล่ม นอกจากนี้ยังมีงานเขียนคอลัมน์ประจำในนิตยสารสุขสโมสร และ Go Green และงานพิเศษจากบริษัทรักลูกเอ็ดดูเท็กซ์ ที่ทำเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ทั้งยังต้องดูแลสวนภัทราการ์เด้นที่ก่อร่างด้วยน้ำพักน้ำแรงมานานกว่า 10 ปี จนไม่มีเวลาที่จะกลับไปเขียนหนังสือเด็กอีกเลย แต่มีโครงเรื่องที่วางไว้ในใจอยู่มากมาย...
ฉันหวังว่าสักวันจะสามารถจัดสรรเวลาได้ลงตัวกว่านี้ เพื่อกลับไปทำงานที่ตัวเองรัก แม้ว่าความฝันสู่เส้นทางนักเขียนจะเป็นจริงสมใจแล้ว แต่ยังมีทางอีกยาวไกลท้าทายให้ก้าวเดินต่อไป ตราบเท่าที่เรายังมีไฟ ความฝันย่อมไม่มีวันสิ้นสุด...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น